เรียนต่อในอเมริกานั้นมีกี่รูปแบบครับ?
1. ต่อ residency
2. เรียนเพื่อไปทำ research fellow
3. เรียนต่อ clinical fellow
4. ต่อ MS
1. เรียนต่อ residency
อันนี้เป็นอันที่นิยมมากที่สุดเราสามารถสมัครเข้าเรียนได้ทันทีที่เรามีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เขาต้องการครับคือ
- จบ medical school ในโรงเรียนแพทย์ ที่เขายอมรับนั่นก็คือ """""""""""" ลองตรวจสอบดูก่อนว่า medical school ที่เราเรียนจบมานั้นเข้าได้กับที่เขาต้องการหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ไม่สามารถสอบได้ครับ
- สอบ USMLE ครบ จนได้ ECFMG certification คือ สอบ step1, step2CK, step2CS (ดูรายละเอียดการสอบแต่ละ step ได้ในหัวข้ออื่นครับ)
เท่านี้แหล่ะ ครับ minimum ที่เขาต้องการ ส่วนใหญ่เวลาที่เตรียมตัวทั้งหมดก็จะหมดไปกับการสอบ USMLE ครับ
Q: คนที่จบ board Thai แล้วมาต่อใหม่จะช่วยในการเรียนต่อ อเมริกาหรือไม่??
A: สำหรับคนที่จบ board หรือ จบ fellow ที่ไทยหรือ ประเทศของตัวเอง มาแล้วต้องการไปเริ่มนับ 1 ใหม่ที่อเมริกา หรือ ที่เรียกว่า 'Reboard' นั้น สำหรับคนไทยเท่าที่เห็นก็มีการทำกันบ้างครับ บางคนที่จบ fellow แล้ว ไปเริ่มเป็น resident 1 ใหม่เพื่อที่จะเอา American board หรือ บางคนตั้งใจที่จะย้ายไปทำงานในอเมริกา เพื่อหาชีวิตที่ดีกว่า (หรือเปล่า) ในส่วนนี้เป็นส่วนเสริมครับ เท่าที่คุยกับหลายๆ program เขาค่อนข้าง prefer คนที่จบ board มาแล้ว เพราะว่า performance จะดีมาก ความรู้ดีเป็นเทพ แต่ถึงอย่างไร ตัว screen ที่สำคัญที่สุดอันดับแรก คือ คะแนน USMLE และ การผ่าน CS ใน first attempt ครับ(เพราะว่าตัว screen ใบสมัครเป็นเลขา หรือไม่ก็คอมพิวเตอร์ โดยหลายโปรแกรมจะคัดเอาใบสมัครที่ คะแนนผ่านเกณฑ์ที่เขาต้องการและที่สำคัญคือ CS first attempt ครับ)
2. เรียนเพื่อไปทำ research fellow
อันนี้ลักษณะการเรียนคือ ไปทำ research ที่อเมริกาครับ โดยที่ไม่สามารถ แตะคนไข้ หรือให้การรักษาได้ แต่สามารถ พูดคุยกับคนไข้ได้ครับ (เป็นกฏหมายเขาครับ เพราะเราไม่ได้มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ในอเมริกาครับ) ส่วนมากคนที่ไปลักษณะนี้นั้น โรงเรียนแพทย์จะเป็นคนส่งไปครับ โดยที่ส่วนมากจะไปในลักษณะทุน คือ ไปเพื่อทำ research ให้เขา โดยที่รับเงินเดือนไทยครับ (แล้วก็กลับมาทำงานชดใช้หนี้) การไปลักษณะนี้จะง่ายกว่าครับ เพราะไม่ต้องสอบ USMLE บางที่อาจะ require TOEFL score เฉยๆ ครับ โดยมากการไปจะอาศัย personal connection คือ อาศัยอาจารย์ที่รู้จักกับ professor ที่นู่น ติดต่อไปให้
ระยะเวลา: ประมาณ 2 ปี
Q: เรียนแล้วจะได้อะไร
A: ช่วงที่ไปเรียน (หรือช่วยทำ research) เราก็จะได้ research ที่ได้ทำที่อเมริกา แล้วเราก็จะเข้า conference ต่างๆ ตาม schedule ที่เขากำหนดไว้ให้
Q: มีโอกาสต่อ clinical fellow ไหม?
A: มีครับ ถ้าเรา performance ดีๆ แล้ว professor ใน โปรแกรมที่เราอยู่ด้วยเขาชอบเรา เราก็จะมีโอกาสสูงที่จะได้เรียนต่อ clinical fellow ในโปรแกรมที่เราไปอยู่มา (ก็อยู่กับเขาตั้งสองปี ถ้าเราทำตัวดีๆ ไงๆ เขาก็น่าจะชอบเราอยู่แล้ว) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ได้มีอะไร guarantee ได้ครับ ต้องไปลุ้นกันต่อที่นู่นครับ .... ชีวิตคือการผจญภัยครับ (ถ้า จะต่อ clinical fellow ก็ต้องมี ECFMG certification ด้วยนะครับ) มีคนที่ผมเคยได้ยินหลายคนว่า เปลี่ยนจาก research fellow ไปเป็น clinical fellow ได้ เพราะว่า performance ดีมากครับ หรือ ทำ research จนชนะรางวัลต่างๆ
3. clinical fellow
สามารถ สมัครได้เมื่อเรา มี ECFMG certification (= สอบจบหมดทั้ง step1, step2CK, step2CS) ครับ การต่อ clinical fellow นั้น สามารถ ต่อได้ในหลายสาขา และบางสาขานั้น อาจจะง่ายกว่าการต่อ residency (ด้วยความจริงที่ว่า ฝรั่งไม่ค่อยชอบเรียน fellow เพราะ การที่ฝรั่งเรียน medical school นั้น ต้องกู้เงินมาเรียนกว่า $100,000-200,000 เลยอยากรีบทำงานมาเพื่อใช้หนี้ครับ) clinical fellow บางสาขาจึงง่ายกว่าการต่อ residency เช่น รังสี (คนไทยแทบไม่เคยได้ resident รังสีเลย เท่าที่เคยได้ยินมา แต่ clinical fellow ก็เริ่มมีมาบ้างครับ.... บางทีผมอาจจะหูตาไม่กว้างไกล ไม่รู้จักคนที่ได้resident ก็ได้ครับ) ออโถ เป็นต้น
Q: จบ clinical fellow แล้วทำงานที่อเมริกาได้ไหม
A: ได้ และไม่ได้ครับ ได้คือ เมื่อเราจบ residency ที่เป็น American Board ด้วย ไม่ได้คือ คนที่จบ Thai Board แล้วไปต่อ clinical fellow ที่ว่าไม่ได้คือ ไม่ได้ทันทีครับ อาจจะต้องไปต่ออะไรอีกสักปีสองปี อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ รอให้ผู้ที่มีข้อมูลมาตอบดีกว่า
4. MS
มีที่เรียนที่เดียวที่รับคนไทยครับ คือ skin MS ที่ Boston เท่าที่ได้ยินมาที่เขาชอบคนไทยเพราะว่าอานิสสงค์ ของแพทย์ไทยรุ่นเก่าๆ ที่ ดิ้นรนจนมาเรียนได้และ โชว์ preformance ที่ดีจนเขาชอบครับ (บอกแล้วว่า หมอไทย performance ดีทุกคนครับ) ผมไม่แน่ใจรายละเอียด ครับไว้หาได้แล้วจะเอามาแปะนะครับ หรือ รอผู้รู้มาตอบครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น